วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

parasite

Enterobius vermicularis


          เป็นโรคพยาธิตัวกลมเกิดจากเชื้อพยาธิชื่อ Enterobius vermicularis หรือที่เรียกว่าพยาธิเส้นด้าย โรคนี้ติดต่อง่าย มักจะพบเป็นทั้งครอบครัวหรือที่ที่คนอยู่เป็นหมู่ เช่น โรงเรียน เด็กเป็นมากกว่าผู้ใหญ่

    วงจรชีวิต
วงจรชีวิตของ Enterobius vermicularis
ที่มา: http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/infectious/parasite/entero.htm#.Vj3vULerTIU

     พยาธิตัวแก่อาศัยอยู่ในตอนต้นของลำไส้ใหญ่ กลางคืนพยาธิตัวเมียจะออกมาวางไข่ใกล้ทวารหนักแล้วก็ตาย 1. ไข่จะติดอยู่บริเวณนั้น หรือ เครื่องนุุ่งห่ม 2.ไข่จะกลายเป็นระยะติดต่อใน 24-36 ชั่วโมง เมื่อผู้ป่วยเกาก้นไข่ก็จะติดเล็บมือ เมื่อผู้ป่วยรับประทานอาหารโดยใช้มือจับอาหาร ก็กินไข่พยาธิเข้าไป 3. การติดต่อระหว่างคนสู่อีกคนหนึ่งอาจจะเกิดได้ 4 วิธี วิธีที่หนึ่ง พบบ่อยที่สุดคือการติดต่อโดยตรงจากการกินไข่พยาธิที่ติดกับมือหรือติดตามเล็บ วิธีที่สอง ผู้ป่วยกินไข่พยาธิที่ติดตามเครื่องนุ่งห่ม หรือผ้าคลุมที่นอน วิธีที่สาม กินไข่พยาธิที่ปลิวอยู่ในอากาศ วิธีที่สี่ ไข่ฟักเป็นตัวอ่อนที่ทวารแล้ไชกลับในลำไส้ใหญ่ ไข่จะเจริญเป็นตัวอ่อนที่ลำไส้เล็ก 4.  และจะเจริญเป็นตัวแก่ที่ลำไส้ใหญ่ 
5.  ตั้งแต่ไข่ที่รับประทานเข้าไปจนกระทั่งเป็นตัวแก่ใช้เวลา 1 เดือน อายุโดยเฉลี่ยของตัวแก่ประมาณ 2 เดือน  

  อาการของโรค
     บางรายไม่มีอาการ หรืออาการไม่รุนแรง ส่วนมากคันทวารหนักเวลากลางคืน ทำให้เด็กนอนหลับไม่สนิท ร้องกวน บริเวณที่เกาอาจจะเกิดการอักเสบ และเกิดติดเชื้อแบคทีเรีย บางครั้งอาจจะทำให้เกิดการอักเสบของช่องคลอด เด็กจะหงุดหงิด ปวดท้อง น้ำหนักลด

  การวินิจฉัย
·         ตรวจพบไข่พยาธิจากบริเวณทวารหนัก โดยวิธีขูดหรือแตะทวารหนักด้วย Scotch tape ในเวลาตื่นนอนตอนเช้า
·         พบพยาธิตัวแก่บริเวณทวารหนัก



        ภาพแรกจากการใช้เทปปิด ส่วนอีกภาพเป็นการดูสดจะเหมือนรูปอักษรD และมีตัวอ่อนอยู่ในไข่

   การรักษา
·           -  ให้ยา mebendazole รับประทาน 100 มก.เคี้ยวและกลืนครั้งเดียว
·          - ให้ยา pyrantel pamoate 10 มก./กก ให้ยาครั้งเดียว



bacteria

                                            โรคบาดทะยัก

             โรคบาดทะยักเกิดจากเชื้อที่อยู่ในดิน ในฝุ่น ในปุยชื่อ Clostridium tetani เชื้อนี้จะเข้าร่างกายทางแผลซึ่งอาจจะถูกมีดบาด หรือเข็มหรือตะปูตำเมื่อเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายจะสารสารพิษหรือ toxin ที่เรียกว่า tetanospasmin สารพิษดังกล่าวจะจับกับเส้นประสาท ทำให้กล้ามเนื้อมีการหดเกร็งอยู่ตลอดเวลา
            เชื้อนี้มักจะเข้าทางบาดแผล แผลอาจจะเล็กมากจนไม่สัเกต แผลที่ลึก แผลที่มีเนื้อตายมากจะเกิดการติดเชื้อบาดทะยักได้ง่าย นอกจากนี้เชื้อนี้อาจจะเกิดจากการทำแท้ง ฉีดยาเสพติด แผลไฟไหม้ แผลจากแมลงกัด

หลังจากรับเชื้อกี่วันจึงเกิดอาการ
มีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อหลัง
มีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อกราม

ผู้ป่วยจะเกิดอาการของบาดทะยักหลังจากได้รับเชื้อหรือเกิดแผลแล้ว 2 วันถึง 2 เดือน โดยเฉลี่ยประมาณ 14 วัน
เชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายอย่างไร
  • แผลสดที่มีสิ่งแปลกปลอมค้างเช่น ฝุ่น อุจาระ น้ำลาย
  • แผลที่มีวัถุค้างเช่น ตะปูตำ เข็มตำ หรือกิ่งไม้ตำ หรืออาจจะเกิดจากของมีคมบาด
  • แผลไฟไหม้
  • แผลบดทับทำให้เกิดเนื้อตาย
  • สัตว์กัดเช่น สุนัข แมว ค้างควา หนู
  • แผลเรื้อรังมีเนื้อตายหรือออกซิเจนเข้าไม่ถึงได้แก่ แผลเบาหวาน ฟันผุ หูชั้นกลางอักเสบ
  • เช้าเข้าผ่านทางสายสะดือ
  • ไม่ทราบสาเหตุ

   

 อาการของโรคบาดทะยัก
                
        โรคบาดทะยักมักจะเกิดกับกล้ามเนื้อลายและเส้นประสาท ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่เราสั่งได้ ผู้ป่วยจะเกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อรอบแผล หลังจากนั้น1-7 วันจะเกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ผู้ป่วยจะมีการเกร็งของกล้ามเนื้อกรามทำให้อ้าปากไม่ได้ กลืนน้ำลายลำบาก คอและหลังมีการเกร็งทำให้นอนแอ่นหลัง มีอาการปวดกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อช่วยหายใจไม่ทำงานเกิดภาวะหายใจลำบาก และอาจจะเสียชีวิตจากภาวะหายใจวาย อาการที่สำคัญได้แก่ lockjaw ผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้จะอ้าปากลำบาก
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดกราม
  • กล้ามเนื้อเกร็งทั่วร่างกาย
  • ปวดกล้ามเนื้อ
  • กลืนน้ำลายลำบาก
  • มีการกระตุกของกล้ามเนื้อ
  • ไข้เหงื่ออก
  • ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว

การรักษา

      ต้องนอนโรงพยาบาล ควรจะอยู่ ICU ห้องที่อยู่ควรจะเงียบ แสงสว่างไม่มาก
  • ยาปฏิชีวนะที่นิยมให้คือ penicillin
  • ให้ยาคลายกล้ามเนื้อ เนื่องจากโรคนี้มีการเกร็งของกล้ามเนื้อร่างกาย
  • ให้ยา tetanus antitoxin
  • โดยการฉีดวัคซีน Toxoid
  • ทำความสะอาดแผล

ต้องรักษานานแค่ไหน

      ถ้าเริ่มรักษาเร็วส่วนใหญ่ใช้เวลา 4-6 สัปดาห์
โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ
  • กล้ามเนื้อหดเกร็ง กล่องเสียงหดเกร็งทำให้หายใจลำบาก
  • กระดูกหัก
  • การติดเชื้อในโรงพยาบาล
  • เกิดลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำ
  • ปอดบวม
  • หายใจลำบาก

การป้องกัน
  • โดยการฉีดวัคซีน Toxoid ตามกำหนดทุก 10 ปี

การป้องกันเมื่อเกิดแผล
  • ห้ามเลือดบริเวณแผล
  • ให้ทำความสะอาดแผลหากไม่มีน้ำเกลือก็ใช้น้ำประปาไหลผ่านแผลจนสะอาด อาจจะใช้สบู่ฟอก หากมีสิ่งแปลกปลอมให้พบแพทย์
  • ใช้ผ้าgauzeปิดแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • เปลี่ยนผ้าพันแผลวันละครั้งหรือเมื่อปนเปื้อนมาก

    vivus


                                                                   โรคไข้หวัด 

              ไข้หวัดเป็นการติดเชื้อไวรัสที่ทางเดินหายใจส่วนบนเรียก upper respiratory tract infection URI เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งรวมเรียกว่า Coryza viruses ประกอบไปด้วย Rhino-viruses เป็นสำคัญ เชื้อชนิดอื่นก็มี Adenoviruses, Respiratory syncytial virus เมื่อเชื้อเข้าสู่จมูก และคอ จะทำให้เยื่อบุจมูกบวมแดง และมีการหลั่งสารหลั่งที่เป็นเมือกออกมา แม้ว่าโรคจะหายเองใน 1 สัปดาห์ แต่เป็นโรคที่นำผู้ป่วยไปพบแพทย์มากที่สุด โดยเฉลี่ยเด็กจะเป็นไข้หวัดปีละ 6-12 ครั้งต่อปี ผู้ใหญ่อาจจะเป็น 2-4 ครั้งต่อปี ผู้หญิงจะเป็นบ่อยเนื่องจากใกล้ชิดกับเด็กมากกว่า คนสูงอายุจะเป็นปีละครั้ง

              อาการของไข้หวัด
      
             ผู้ใหญ่จะมีอาการจาม น้ำมูกไหลมาก่อน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะเล็กน้อย แต่มักจะไม่ค่อยมีไข้ เชื้อจะออกจากทางเดินหายใจของผู้ป่วย 2-3 ชั่วโมง และหมดภายใน 2 สัปดาห์ บางรายมีอาการปวดหู เยื่อแก้หูมีเลือดคั่ง บางรายมีเยื่อบุตาอักเสบ เจ็บคอกลืนลำบาก โรคมักเป็นไม่เกิน 2-5 วัน แต่อาจจะมีน้ำมูกไหลนานถึง 2 สัปดาห์
    ในเด็กอาจจะรุนแรง และมักจะกลายเป็นหลอดลมอักเสบ และปอดบวม

               
               การติดต่อ
           
             โรคนี้มักจะระบาดในฤดูหนาวเนื่องจากความชื้นต่ำ และอากาศเย็น
    • คนปกติสามารถติดโรคจากน้ำลาย เสมหะของผู้ป่วยที่ปลิวมากับจามหรือไอผ่านทางลมหายใจ
    • เชื้อยังสามารถผ่านทางปากจากมือที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
    • ผู้ป่วยสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ 1-2 วันก่อนที่จะเกิดอาการ และ 1-2 วันหลังเกิดอาการ
    • ผู้ที่ติดหวัดได้ง่ายคือเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี เด็กที่ขาดอาหาร เด็กในสถานรับเลี้ยงเด็ก

                วิธีการติดต่อมีด้วยกันกี่วิธี
    1. มือของเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่สัมผัสเชื้อจากเสมหะของผู้ป่วย หรือสิ่งแวดล้อม แล้วขยี้ตา หรือนำเข้าทางปาก
    2. หายใจเอาเชื้อที่ผู้ป่วยไอออกมา
    3. หายใจเอาเชื้อที่กระจายอยู่ในอากาศ

                 การรักษา
    • ไม่มียารักษาเฉพาะ หากมีไข้ก็ให้ยาลดไข้ Pacetamol ห้ามให้แอสไพรินทร์
    • ให้พักและดื่มน้ำมากๆ
    • ให้บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ
                  
                 อาการจะดีขึ้น
             โดยทั่วไปใช้เวลา 2-4 วันหลังจากนั้นจะดีขึ้น โรคแทรกซ้อนที่สำคัญคือหูชั้นกลางอักเสบ ต้องได้รับยาปฏิชีวนะ

                 การป้องกันหวัด
             เป็นการยากที่จะป้องกันการติดเชื้อหวัด และยังไม่มีวัคซีนที่ป้องกันโรคหวัดได้ ดังนั้นการดูแลสุขภาพตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
    • หลีกเลี่งที่ชุมชน เช่นโรงภาพยนตร์ ภัตราคาร ในช่วงระบาด
    • ไอหรือจามใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษปิดปากและจมูก
    • ให้ล้างมือบ่อยๆ
    • ไม่เอามือเข้าปาก หรือขยี้ตาเพราะอาจจะนำเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้
    • อย่าอยู่ใกล้ชิดผู้ที่ป่วยเป็นเวลานาน
                 อากาศหนาวจะทำให้เป็นไข้หวัดหรือไม่
              เป็นความเชื่อที่ว่าอากาศหนาวจะทำให้เกิดไข้หวัด หรือทำให้หวัดเป็นมากขึ้น จากการศึกษาพบว่าอากาศ การออกกำลังกาย และอาหารไม่ทำให้เกิดไข้หวัด และยังพบว่าความเครียด โรคภูมิแพ้ และรอบเดือนมีส่วนทำให้เกิดโรคหวัด

                  วิตามินซี รักษาหวัดได้หรือไม่
             หลายท่านเชื่อว่าการรับประทานวิตามินซีขนาดสูงจะสามารถรักษา และป้องกันไข้หวัดได้ จากการศึกษายังไม่มีหลักฐานว่ารักาาได้จริง หรือทำให้โรคหายเร็วขึ้น นอกจากนั้นการได้รับวิตามิน มีขนาดสูงยังทำให้เกิดท้องร่วง และมีผลต่อการตรวจน้ำตาลในเลือด รวมทั้งการแข็งตัวของเลือด

                   ข้อแตกต่างระหว่างไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

    อาการไข้หวัดไข้หวัดใหญ่
    ไข้ไม่สูงในผู้ใหญ่ เด็กอาจจะมีไข้ไข้สูง 38-40 เป็นเวลา 3-4 วัน
    ปวดศีรษะพบน้อยปวดศีรษะมาก
    ปวดตามตัวเล็กน้อยพบบ่อย และปวดมาก
    อ่อนแรงเล็กน้อยพบได้นาน 2-3 สัปดาห์
    อ่อนเพลียไม่พบพบมาก
    คัดจมูกพบบ่อยพบเป็นบางครั้ง
    จามพบบ่อยพบเป็นบางครั้ง
    เจ็บคอพบบ่อยพบเป็นบางครั้ง
    ไอ แน่นหน้าอกไอไม่มาก ไอแห้งๆพบบ่อย บางครั้งเป็นรุนแรง
    โรคแทรกซ้อนไซนัสอักเสบ และหูชั้นกลางอักเสบหลอดลมอักเสบ และปอดบวม
    การป้องกันไม่มีฉีดวัคซีน; amantadine
    or rimantadine (antiviral drugs)
    การรักษารักษาตามอาการAmantadine or rimantadine ภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ


             คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอายุน้อยและชอบซื้อยาให้ลูกรับประทานเมื่อเวลาที่ลูกป่วย กรุณาอ่านคำเตือนขององค์การอาหารและยาของอเมริกาเกี่ยวกับการใช้ยาในเด็ก
    • อย่าซื้อยาแก้หวัดหรือยาแก้ไอให้กับเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปีหากจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์
    • อย่านำยาที่ผลิตสำหรับผู้ใหญ่มาใช้กับเด็ก
    • เนื่องจากยาแก้หวัดหรือยาแก้ไอมีความเข้มข้นหลายขนาด ท่านต้องศึกษาว่าขนาดไหนเหมาะกับบุตรของท่าน
    • หากต้องใช้ยาหลายชนิด ท่านต้องรู้ส่วนประกอบของยาที่รับประทาน ซึ่งอาจจะมียาชนิดเดียวกันทำให้บุตรหลานท่านได้รับยาเกินขนาด
    • อ่านฉลากถึงส่วนประกอบของยา และวิธีการใช้ยา
    • การใช้ยาหลายชนิดอาจจะส่งผลเสียต่อทารกโดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ
    • ให้ใช้อุปกรณ์ที่ติดมากับขวดยาในการตรวงยาให้เด็ก ไม่ควรใช้ช้อนชาหรือช้อนโต๊ะในการตรวงยา
    • หากท่านไม่แน่ใจวิธีการตรวงยากรุณาปรึกษาแพทย์
    • ยาแก้หวัดหรือยาแก้ไอเป็นยาที่รักษาอาการเท่านั้น
    • หากอาการเด็กไม่ดีขึ้นท่านต้องปรึกษาแพทย์

            โรคไข้หวัดเป็นโรคติดต่อที่เกิดขึ้นทุกปี หากติดเชื้อแล้วก็ทำให้เกิดการเจ็บป่วย หยุดงาน หรือหยุดเรียนตามมาก หากเป็นไข้หวัดธรรมดาก็หายได้เองในเวลาไม่กี่วัน หากเป็นไข้หวัดใหญ่ก็จะเกิดอาการมากกว่าไข้หวัดธรรมดา และใช้เวลานานกว่าจะหาย และหากไข้หวัดใหญ่เกิดในผู้ที่ไม่แข็งแรงก็จะเพิ่มอัตราการเสียชีวิตสูง
            หากไข้หวัดที่เกิดการระบาดเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่ร่างกายของคนทั่วไปยังไม่มีภูมิคุ้มกันก็จะเกิดการระบาดใหญ่ และมีผู้เสียชีวิตมากมาย ดังนั้นการมีสุขอนามัยที่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันไข้หวัดใหญ่จะเป็นการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดได้ทุกชนิด 


          วิธีการป้องกันมีดังนี้

    1.การล้างมือ
    2.ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
    3.การใช้หน้ากากอนามัย
    4.เรียนรู้โรคไข้หวัดใหญ่
    5.การใช้ยาอย่างถูกต้อง
    6.ไม่แนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวะในกรณีที่ติดเชื้อไวรัส
    7.หากป่วยก็ควรหยุดพักไม่ควรทำงาน
    8.ดื่มน้ำให้มากๆ
    9.พักผ่อนให้เพียงพอ




    Protozoa

    Balantidium coli 
              
              เป็น โปรโตซัว (protozoa) ชนิดหนึ่ง ใน ธรรมชาติ มีวงจรชีวิต 2 ระยะ คือ ระยะ trophozoite และ ระยะ cyst นับว่าเป็น เชื้อโปรโตซัว ที่มีระยะ trophozoite ในคน ที่ใหญ่ที่สุด เชื้อปาราสิต ชนิดนี้พบ ได้ตามที่ ต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะ ภูมิประเทศ ที่มีอากาศร้อนชื้น ปกติตัว Balantidium coli พบได้ใน หมู, ลิง และหนู เฉพาะใน หมูพบว่า มี การติดเชื้อ และทำให้เกิด ท้องร่วง (dysentery) ในคน ค่อนข้างน้อย ส่วนมาก พบใน กลุ่ม ประชากร ที่มี สุขอนามัยไม่สมบูรณ์
                 อย่างไรก็ตามรายงานการเกิดบาแลนติดิเอซิสในประเทศไทยมีเป็นครั้งคราวแต่อาการไม่รุนแรง มีรายงานเกิดเป็นแผลทะลุลำไส้และทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบถึงตาย เพียงครั้งเดียวและไม่ทราบแหล่งของการติดเชื้อ

      อนุกรมวิธาน 

           โปรโตซัวในกลุ่มซิลิเอตกลุ่มนี้อยู่ใน phylum Ciliophora, จัดอยู่ใน class Kinetofragminophorea, subclass Vestibuliferia, order Trichostomatida, suder Trichostomatina

      สัณฐานวิทยา



    Balantidium coli เป็นโปรโตซัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในคน

    Balantidium  coli - trophozoite

    Balantidium  coli - cyst

          ระยะ trophozoite ย้อมสีด้วย ircn-hematoxylin รูปร่างรูปไข่ ขนาด 40-200x30-120 ไมโครเมตร รอบตัวมีขนสั้นๆ (cilia) อยู่เป็นจำนวนมาก มีช่องปาก (cytostom) เป็นรูปกรวย มองไม่ชัด มี food vacuole และมี contratile vacuole ขนาดใหญ่ 1 อัน นิวเคลียสมี 2 อัน อันใหญ่เรียก macronucleus รูปคล้ายถั่วเห็นได้ชัดติดสีดำ และอันเล็กเรียก micronucleus อยู่ใกล้กับอันใหญ่ 

      รูปร่างลักษณะ
      
         Trophozoites เป็นรูปไข่ปกคลุมด้วยขนสั้นมีความยาวใกล้เคียงกัน มีขนาด 50-200x40-70 ไมโครเมตร ที่ข้างหนึ่งของแกนกลางลำตัวตามยาวมีร่องเข้าไปรูปกรวยคว่ำ ลึกโค้งเล็กน้อย ระยะโทรโฟซอยต์กินอาหารทางร่องปาก คือปาก (cytostoma ) ปลายด้านหางกลมกว้าง cytoplasm มี food vacuoles จำนวนมาก และมี contractile vacuole หนึ่งหรือ สองอัน ที่ปลายด้านหางมีรูเปิดเล็กๆเรียก cytopyge อยู่ภายในเซลล์เยื่อหุ้มซึ่งใช้ขับถ่ายของเหลือค้าง จาก food vacuoles Balantidium coli มี 2 nuclei เห็นชัดเจน ซึ่งประกอบไปด้วย นิวเคลียสใหญ่ (macronucleus) รูปร่างคล้ายถั่ว นิวเคลียสเล็ก (micronucleus) อยู่ในโค้งด้านในของนิวเคลียสใหญ่ มีลักษณะเป็นก้นกลมติสีเข้มมาก เชื่อว่ามีหน้าทีเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวควบคุมเกี่ยวกับการเจริญเติบโต การแบ่งตัวแบบไม่อาศัยเพศ สำหรับไมโครนิวเคลียสมีขนาดเล็ก มีหน้าที่ควบคุมเกี่ยวกับการแบ่งตัวแบบอาศัยเพศ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรม

       วงจรชีวิต

    วงจรชีวิตของ Balantidiasis
    ที่มา : http://www.cdc.gov/dpdx/images/balantidiasis/Bcoli_lifecycle.gif


            ผู้ป่วยติดเชื้อนี้ ได้โดยทานอาหาร หรือน้ำดื่ม ที่มีระยะ cyst ลงในลำไส้ แต่ การติดเชื้อ ที่ แท้จริงในคน ยังไม่ทราบ แน่ชัด และการติดเชื้อ สู่คนค่อนข้างยาก ภายในลำไส้ใหญ่ trophozoites จะออกจาก cyst มาทำลาย เยื่อบุลำไส้คน โดยเฉพาะบริเวณ cecum ทำให้ลำไส้ เกิดแผล (ulcer) มากมาย แผลเหล่านี้ คล้ายกับแผล ที่เกิดจาก อะมีบา แต่ใหญ่กว่า ตัว trophozoites มีรูปร่างกลมรี ปกคลุมด้วยขน (cilia) โดยรอบ ภายในมี นิวเคลียส ขนาดใหญ่ รูปร่างคล้ายไต เรียกว่า macronucleus และนิวเคลียสขนาดเล็ก เรียกว่า micronucleus อยู่ภายใน ซัยโตพลาส ของมัน สำหรับ cyst มีขนาดเล็กกว่า มีรูปร่างกลม หุ้มด้วยผนัง 2 ชั้นใส สามารถ มองเห็น เชื้อปาราสิต เคลื่อนไหว อยู่ภายใน เส้นผ่าศูนย์กลางของ cyst ประมาณ 51-54.6 ไมครอน

       การกระจายตัว
             
                พบได้ทั่วโลกโดยเฉพาะในเขตร้อน ซึ่งสามารถพบได้ในคน ลิง และหมู แต่พบมากที่สุดในหมู B. coli อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ของคน หมู และลิงการสืบพันธ์ของ B. coli เกิดโดยขบวนการแบ่งตัวจากหนึ่งเป็นสอง (binary fission)
    1. B. coli ติดต่อสู่คนและสุกรโดยการกินปรสิตระยะซีสต์ ซึ่งปนเปื้อนอยู่ในอาหารและน้ำดื่ม
    2. เมื่อผ่านมาถึงลำไส้เล็ก ผนังซีสต์จจะถูกย่อยโดยน้ำย่อยในลำไส้เล็ก ปรสิตระยะโทรโฟซอยต์จะเคลื่อนที่ลงไปอาศัยอยู่ในบริเวณลำไส้ใหญ่
    3. การเจริญเติบโตและแบ่งตัวของโทรโฟซอยต์เกิดขึ้นภายในทางเดินอาหารบริเวณลำไส้ใหญ่ ปรสิตอาศัยอยู่เฉพาะในทางเดินอาหารบริเวณลำไส้ใหญ่อาจทำลายหรือไม่ทำลายเซล์บุลำไส้ก็ได้เมื่อมีการแบ่งตัวไปสักระยะหนึ่งโทรโฟซอยต์บางส่านจะแปรสภาพเป็นซีสต์ปะปนออกมากับอุจจาระ

      ลักษณะการก่อโรค 

           ทำให้เกิดโรคในคนเรียกว่า balantidiasis หรือ balantidial dysentery; เชื้อไชผนังลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดแผล, แผลโดยทั่วไปมีลักษณะคล้ายแผลที่เกิดจากบิดมีตัว E. histolytica และอาจก่อให้เกิดฝีใต้ผิวลำไส้ใหญ่ (mucosa และ submucosa) บางครั้งแผลทะลุถึงชั้นกล้ามเนื้อ;แผลอาจกลมหรือรีหรือไม่แน่นอน,มีขอบนูน, ใต้แผลบุด้วยหนองและเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว,ปากแผลอาจมีมูกเขียวปกคลุม
           กลไกการไชผนังลำไส้โดยเชื้อไม่ทราบชัด เชื้อมีเอนไซม์คล้าย hyaluroidase; คนค่อนข้างจะมีความต้านทานต่อการติดเชื้อ; มีปัจจัยหลายอย่างที่ลดความต้านทานต่อเชื้อลง เช่น ขาดอาหาร(อาหารที่มีโปรตีนต่ำ แป้งสูง) สภาวะการณ์ของแบคทีเรียในลำไส้, โรคที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ,ภาวะกรดในกระต่(achlorhydria), โรคพิษสุราเรื้อรัง, เป็นต้น        
           B. coli ระยะ trophozoite ที่เกาะกับผิวของเยื่อบุลำไส้ใหญ่จะปล่อยเอนไซม์ hyaluronidase ทำลายเซลล์เยื่อบุลำไส้ แล้วบุกรุกเข้าไปทำให้เกิดแผล การเคลื่อนที่ของเชื้อร่วมกับการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนทำให้แผลขยายกว้างขึ้นจนถึงชั้น submucosa ลักษณะแผลคล้ายแผลบิดที่ลำไส้ คือปากแผลแคบฐานแผลกว้าง (flask – shaped ulcer) เยื่อบุลำไส้ที่เน่าตายจะลอกหลุด ในรายที่การติดเชื้อรุนแรงอาจทำให้ลำไส้ทะลุเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ลักษณะทางพยาธิวิทยาของแผลที่ลำไส้ประกอบด้วยเซลล์อักเสบจำพวกลิมโฟซัยต์และอีโอสิโนฟิล แต่ไม่พบนิวโทรฟิล พบ B. coli ที่ขอบแผลได้
           บางครั้งเชื้อลุกลามออกนอกลำไส้ทำให้เกิดพยาธิสภาพที่อวัยวะอื่นๆ ได้แก่ ตับ ปอด เยื่อหุ้มปอด ไต กระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ช่องคลอด และมดลูก
           หรือเชื้ออาจจะเข้าสู่ไส้ติ่งทำให้เกิดไส้ติ่งอักเสบ แต่โดยปกติแล้วแผลมักเกิดที่บริเวณ rectosigmoid; แผลนอกลำไส้เกิดน้อยมากและมักจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากลำไส้ทะลุ

          คนที่ได้รับเชื้อและติดเชื้อแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มคือ 1.)ไม่มีอาการ 2.) เป็นโรคเฉียบพลัน 3.)เป็นโรคเรื้อรัง กลุ่มแรกมักพบในเขตที่มีโรคนี้ชุกชุม เช่น นิวกินี กลุ่ม 2 มีอาการปวดท้องคลื่นไส้อาเจียนและปวดเบ่ง ไม่ค่อยมีไข้ อาจถ่ายอุจจาระหลายครั้งและอุจจาระมีมูกเลือด กลุ่มเรื้อรังมีท้องร่วงเป็นๆหายๆ สลับกับท้องผูก มีอาการปวดตะคริว

      อาการทางคลีนิค 
                ผู้ป่วยมีไข้ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง และท้องร่วงมากน้อยเป็นรายๆไป บางราย ถ่ายเป็น เลือด น้ำหนักลด หรือบางคน ไม่มีอาการ แต่เป็น ตัวเก็บเชื้อ (carrier) ผู้ป่วย ส่วนมากมี ประวัติอาชีพ เลี้ยงและขายหมู

      การวินิจฉัย 
              โดยการตรวจพบ พยาธิสภาพ ของแผล และเชื้อปาราสิต ในชิ้นเนื้อพยาธิ หรือตรวจ จากอุจจาระพบ เชื้อระยะ trophozoite หรือระยะ cyst

      การรักษา

           ใช้ยา tetracycline 500 มก. กินวันละ 4 เวลา นาน 10 วันหรืออาจใช้diiodohydroxyquin (diodoquinol) ขนาด 650 มก. กินวันละ 3 เวลา นาน 21 วัน ยา mmetronidazole –okf 400-600 มก. กินวันละ 3 เวลา นาน 5 วัน